(https://static.siamsport.co.th/news/2022/04/13/news202204132026578.jpg)
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประกาศกร้าวเป้าหมายหลักของทัพนักกีฬาไทย ในการทำศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่าง 12-23 พ.ค.นี้ ต้องเป็นเจ้าเหรียญทองในชนิดกีฬาสากลที่มีบรรจุแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ส่วนจำนวนเหรียญทองใน "ฮานอยเกมส์" หวังทัพไทยมีผลงานดีกว่าหนก่อนที่คว้าได้ 92 ทอง เชื่อมีโอกาสโกยถึง 100 เหรียญทอง
"บิ๊กก้อง" ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงความพร้อมของทัพนักกีฬาไทย ชุดสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 12-23 พฤษภาคมนี้ ที่ประเทศเวียดนาม ว่า ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 และข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้ กกท. ต้องปรับแผน และทำงานกันอย่างหนักเพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องขอบคุณสมาคมกีฬาต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือ ช่วยกันทำให้เราพอมีความชัดเจน จนได้เก็บตัวฝึกซ้อมกันยาว 6 เดือน ซึ่งกกท. ก็คอยสนับสนุนทั้งในเรื่องงบประมาณ และมาตรการป้องกันโควิด ร่วมถึงจัดหาวัคซีนให้เป็นที่เรียบร้อยดี
ผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า ในปีนี้เราได้ลดจำนวนนักกีฬาลงจากซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ปี 2019 ที่เราส่งไป 900 กว่าคน โดยปีนี้ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม เหลือเพียง 800 กว่าคน ทั้งนี้เราอยากให้แฟนกีฬาเข้าใจว่าอาจจะไม่ได้เห็นทีมชาติไทย เป็นเจ้าเหรียญทองในตารางเหรียญรวมทั้งหมด แต่ในกีฬาสากล ที่มีแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ เรายังคงต้องการเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนให้ได้
ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า ต้องยอมรับว่าซีเกมส์ครั้งนี้ เวียดนาม ได้เปรียบเราทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเรื่องการเป็นเจ้าภาพ การใส่กีฬาพื้นบ้านเข้ามา รวมถึงการเพิ่มอีเวนต์กีฬาที่เขาถนัด ขณะที่นักกีฬาเวียดนามก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ อย่าง อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งกัมพูชา เจ้าภาพครั้งต่อไปก็ก้าวขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว ดังนั้นครั้งนี้ เราจึงมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งในหลายประเทศ คงไม่สามารถเป็นเจ้าเหรียญทองได้
"อย่างไรก็ตาม นอกจากเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในกีฬาสากลแล้ว ในส่วนของจำนวนเหรียญทอง เราก็คาดหวังจะทำให้ดีกว่าครั้งก่อนคือมากกว่า 92 เหรียญทอง และหวังลึกๆ อยากจะแตะให้ถึง 100 เหรียญทอง แม้รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากมากก็ตาม" ผู้ว่าการกกท. กล่าว