(https://static.siamsport.co.th/column/2022/04/28/column202204280917744.jpg)
ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับเด็กหงส์ทุกหมู่เหล่าด้วยนะครับที่ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ หลังจากเปิดบ้านจมเรือดำน้ำ ด้วยสกอร์ 2-0 แม้จะต้องยกพลไปเยือนอีก 1 นัดก็ตาม
เพราะมองมุมไหนก็ยังนึกภาพพวกพรี่ๆ เขาพ่ายแพ้ด้วยระยะห่างมากกว่า 2 ประตูไม่ออกจริงๆ
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1394051993-594x594.jpg)
1.สภาพทีมของหงส์แดงในช่วงปลายฤดูกาลถือว่าสมบูรณ์มากเลยนะครับ แทบไม่มีผู้เล่นสำคัญถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปเลย แตกต่างจากฤดูกาลที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
นั่นส่งผลให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถจัดทีมที่โฉมงามที่สุดลงสนามได้อย่างต่อเนื่อง
สังเกตการจัดทัพของกุนซือผู้นี้นะครับ พี่แกจะสลับตัวผู้เล่นแดนละคนเท่านั้นในแต่ละนัด โดยจับคู่กันไว้แล้ว
แดนหลัง - โฌแอล มาติ๊ป กับ อิบราฮิมา โกนาเต้
แดนกลาง - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ นาบี เกอิต้า
แดนหน้า - ลุยส์ ดิอาซ กับ ดิโอโก้ โชต้า
นอกนั้นถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่เปลี่ยน
ย้อนกลับไปในศึก เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ในเมื่อ โฌแอล มาติ๊ป, นาบี เกอิต้า และดิโอโก้ โชตา ลงตัวจริงไปแล้ว เกมนี้ก็เลยส่ง
อิบราฮิมา โกนาเต้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และลุยส์ ดิอาซ ลงตัวจริงบ้าง ซึ่งคุณภาพทัดเทียมกัน ไม่มีความเหลื่อมล้ำกันสักนิด
เทียบศักยภาพกับผู้มาเยือนแล้วเหนือกว่าหลายขุม
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1240284827-594x594.jpg)
2. บียาร์เรอัล เดินทางมาถึงรอบนี้ด้วยเกมรับที่แข็งแกร่ง
ดังฉะนั้น พวกเขาก็มาเล่นเกมรับตามสูตรสำเร็จนั่นแหละครับ
อันดับแรกคือตั้งรับในแดน แล้วตั้งด่าน 2 ชั้น ชั้นละ 4 คน + กองหน้าอีก 2 คนที่คอยลงมาช่วยไล่บอลตามจังหวะ
อันดับต่อมาคือปิดพื้นที่ในกรอบเขตโทษให้แน่นหนา ไม่ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล มีพื้นที่ว่างมากนัก
พูดง่ายๆ ว่ายกเรือดำน้ำยี่ห้อ Uncle Pom มาไว้ที่ แอนฟิลด์ ทั้งลำเลยทีเดียว
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเกมรับของ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันก่อน
ผมมองว่าทีมลูกอมทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาแทบไม่เปิดโอกาสให้เจ้าถิ่นหลุดเข้าไปทำลายตาข่าย ผิดกับทีมเรือดำน้ำสีเหลืองที่ปล่อยให้หงส์แดงมีโอกาสยิงมากกว่า 10 ครั้ง
ไอ้ที่ยังกระทุ้งประตูขึ้นนำไม่ได้ในครึ่งแรก เพราะจังหวะมันยังไม่ลงล็อค แถมไม่เด็ดขาดกันเองซะมากกว่า
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1240284026-594x594.jpg)
3. เท่านั้นไม่พอ
บียาร์เรอัล ไม่ได้รับอนุญาตให้สวนกลับด้วย ขยับเกมรุกได้ไม่เกินครึ่งสนามก็ถูก ลิเวอร์พูล แย่งบอลคืนมาบุกต่อ
สิ่งที่เหนือกว่า เอฟเวอร์ตัน คือนักเตะทีมชุดเหลืองไม่เตะทิ้งเตะขว้าง และได้ครองบอลเกือบ 40%
จุดหนึ่งเพราะพลพรรคเครื่องจักรสีแดงไม่เน้นการครองบอลนาน ไม่ต่อบอลไปต่อบอลมาให้มากจัวหวะเหมือนเกมเมื่อวันอาทิตย์ โดยพยายามจู่โจมเร็วๆ และหาจังหวะจบด้วยการยิงให้ได้
ครึ่งแรกจบด้วยสกอร์ 0-0 ก็จริง แต่ผู้ชมทางบ้านที่รู้จักพวกพรี่ๆ เขาดีอย่างผมมองว่าอย่างไร 'เยลโล่ ซับมารีนส์' ก็ไม่รอดหรอก
อย่างไรก็เด๊ดห่าแน่นอน เพราะแถวบ้านเรียกเล่นแบบ...รอโดน
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1394059112-594x594(1).jpg)
4. แล้วก็โดนจริงๆ เพียงไม่กี่นาทีของครึ่งหลัง
ลูกเปิดจากทางด้านขวาของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปแฉลบกองหลังผู้มาเยือนจนเปลี่ยนทางเข้าประตู
อืมมมมมม...มันเหมือนมีโชคก็จริง
แต่ถ้าคุณไม่พยายามทำเกมรุกแบบไม่ย่อท้อ หรือถ้าคุณบุกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องไม่ได้ - โชคก็ไม่มีทางเข้าข้างคุณแน่ๆ
มิหนำ
ประตูที่ 2 ดันตามมาอย่างรวดเร็ว
ยี่เก...ลาโรงเลยนะครับแบบนี้
จังหวะนั้น จิ้งจกตัวหนึ่งซึ่งเกาะฝาบ้านผมเผลอสบถออกมาเป็นภาษาคนว่า...
'ถุยยยยย...นึกว่าจะแน่'
2 รอบที่ผ่านมา บียาร์เรอัล พลิกล็อคโค่นทีมที่ชาติตระกูลสูงกว่าอย่าง ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิค มาได้ก็จริง แต่เกมรุกของทั้ง 2 ทีมนั้นมันคนละเรื่องกับหงส์แดงชุดนี้เลยนะครับ
นี่แหละที่เรียกว่า...เจอของจริง !!!
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1394060534-594x594.jpg)
5. ไม่เพียงแต่จะเข้าชิงฯ อย่างไม่เป็นทางการ
สถานการณ์ตอนนี้ยังเป็นใจให้พวกเขามากกว่า แมนฯ ซิตี้ ด้วยนะครับ
เพราะในขณะที่ทีมสีฟ้าแห่งเมืองแมนต้องจัดหนักและจัดเต็มในการห้ำหั่นกับ เรอัล มาดริด ให้มันตายหงส์ตายห่านไปข้างในเกมต่อไป
เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถโรเตชั่นผู้เล่นได้ 3-4 ตำแหน่งแล้วเล่นแบบประคองตัวไม่ให้แพ้ได้ในการบุกไปเยือน บียาร์เรอัล เพื่อเก็บแรงไว้ไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก
อืมมมมมมมม...นะ
อะไรและอะไร มันช่างเป็นใจกับพวกพรี่ๆ เขาจริงๆ
จุ๊กกรู้...จุ๊กกรู๊...จุ๊กกรู๊ (คุ้นๆ นะคำนี้)