บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับสุดผิดหวังที่ทัพ "ปีศาจแดง" โดน ลิเวอร์พูล ถล่มยับไม่นับญาติ 0-7 ที่สนามแอนฟิลด์ เกม "แดงเดือด" ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา

แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งแรกโดยมีโอกาสได้ประตูอย่างน้อยๆ 3 ครั้งจากอันโตนี่, แฟร์นันด์ส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ช่วงท้ายครึ่งแรก โคดี้ กัคโป ยิงปลดล็อกให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0

จากนั้นในครึ่งหลังฟอร์มของ "ผีแดง" ก็ดร็อปไปดื้อๆ ส่วนทางกับผลงานของ "หงส์แดง" ที่แรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นก็ตะบันเพิ่มอีก 6 ประตูจาก ดาร์วิน นูนเญซ (2 ลูก), กัคโป, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (2 ประตู) และตบท้ายด้วย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ บทสรุป แมนฯ ยูฯ แพ้เละ 0-7

เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจาก รอย คีน และ แกรี่ เนวิลล์ สองตำนานแมนฯ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "เราบุกมาที่นี่ด้วยสภาพจิตใจที่แตกต่างก่อนเกมนี้ ผมคิดว่าครึ่งแรกเราเล่นได้ดีจริงๆ เรามีโอกาสหลายครั้ง เราครองเกมได้เยอะมากในครึ่งแรก ผมคิดว่าพวกเขาแทบไม่ได้สร้างโอกาสเลย"

"แต่ครึ่งหลังผมคิดว่าเราไม่ได้เล่นอยู่ในระดับการเล่นของเราเลย เราใช้เวลาเยอะเกินไป เราครองบอลนานในจังหวะที่จะสวนกลับใส่พวกเขา เรารู้ว่าพวกเขาอันตรายมากแค่ไหน แต่เราไม่ได้เล่นอยู่ในระดับของเรา เรารู้ว่าเราสามารถทำผลงานได้ดีกว่านี้ เรารู้ว่าเรามีคุณภาพมากแค่ไหน"

"ตอนนี้เราต้องมองไปที่เกมต่อไป และพยายามกลับมาได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ ผมคิดว่าทีมพยายามแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ แต่เมื่อคุณเปิดเกมรุกมันเป็นการเปิดพื้นที่โล่งให้กับ ลิเวอร์พูล คุณพยายามขึ้นเกมสู้ และพยายามยิงประตู แต่เราเสียสมดุล, เสียการควบคุม และเสียตำแหน่งในการเล่นไปพอสมควร" แฟร์นันด์ส ร่ายยาว

แกรม พ็อตเตอร์ กุนซือทีม เชลซี ระบุว่าชัยชนะเหนือ ลีดส์ 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มี.ค. ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสตาร์ สิงห์บลูส์ ได้เป็นอย่างดีก่อนเกมเปิดบ้านต้อนรับ ดอร์ทมุนด์ ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดสอง

พ็อตเตอร์ คลายความกดดันให้กับตัวเองได้ด้วยการพาทีมพิชิต ยูงทอง 1-0 โดยมี เวสลีย์ โฟฟาน่า เป็นฮีโร่โขกประตูโทนหลังจากเศรษฐีลอนดอนมีผลงานตกต่ำดำดิ่งไม่ชนะเลยในหกนัดหลังของทุกรายการจนทำให้มีการลือกันว่าอดีตกุนซือทีม ไบรท์ตัน ใกล้ตกงานเต็มที

"ผมดีใจไปกับนักเตะ และแฟนบอล เราทุลักทุเลกันมานาน มันเป็นความท้าทายของเรา ผมคิดว่าเราเล่นได้ดีในครึ่งแรก และเราบุกได้ดี มันเป็นการแสดงถึงคาแรกเตอร์ของนักเตะ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพในทีม มันทำให้เราสามารถเดินหน้าต่อไปได้" พ็อตเตอร์ ให้สัมภาษณ์หลังเกม

"นักเตะต้องการชัยชนะเช่นเดียวกับแฟนบอล พวกเขาต้องการให้เราเล่นได้ดี สกอร์ 1-0 ใน พรีเมียร์ลีก เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ และทุกอย่างเกิดขึ้นได้หากคุณจะพิจารณาถึงผลงานของเรา"

"ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เราตื่นตระหนก แต่นักเตะต่อสู้เพื่อชัยชนะ และมันเปิดโอกาสให้เราทะยานไปข้างหน้าได้"

"เวสลีย์ โฟฟาน่า ทำให้เราคิดถึงเขาอยู่นาน เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ร้างสนามไประยะหนึ่ง เขามีความแข็งแกร่ง และกล้าเข้าหาบอล เขาทำได้ดีในเขตโทษในจังหวะที่เราบุก มันทำให้เราได้รับชัยชนะ"

"เบน ชิลเวลล์ ทำงานหนัก และเล่นได้ดีในครึ่งแรกตอนที่เขาเติมเกมรุก"

"เราพยายามโฟกัสเกมของเรา คุณไม่อาจควบคุมเสียงจากภายนอกได้ มันจะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ของเราในวันอังคารนี้ มันเป็นโอกาสที่ดี เราต้องต่อสู้" พ็อตเตอร์ หมายถึงเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดสองต้อนรับ ดอร์ทมุนด์ หลังจากเกมแรก สิงห์บลูส์ ออกไปแพ้ 1-0

"ทุกเกมมีความสำคัญ มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เรา"

แกรี่ เนวิลล์ ให้สาบานว่าจะยอมใส่ชุดของ อาร์เซน่อล พร้อมข้อความฉลองแชมป์ในกรณีที่อีกฝ่ายได้แชมป์ลีกไปเชยชม หลังจากตอนแรกมีคนท้าให้เขาโกนหัวกลางสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

แกรี่ เนวิลล์ ตำนานแบ็กขวาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สาบานว่าตนจะยอมใส่เสื้อของ อาร์เซน่อล ที่มีข้อความร่วมฉลองแชมป์ให้กับอีกฝ่าย ถ้าหาก "ไอ้ปืนใหญ่" ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้จริงๆ

ทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ทำผลงานได้ดีกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้ในซีซั่นนี้จนทำให้พวกเขากำลังเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนน โดยก่อนจะเริ่มโปรแกรมในช่วงสุดสัปดาห์นี้นั้น อาร์เซน่อล มีแต้มมากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นรองจ่าฝูง 5 แต้มด้วยกัน อย่างไรก็ตาม กูรูหลายคนก็ยังไม่เชื่อว่า อาร์เซน่อล จะได้แชมป์ลีกไปครอง ซึ่ง เนวิลล์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทั้งนี้ ล่าสุดมีแฟนบอล อาร์เซน่อล คนหนึ่งท้าให้ เนวิลล์ โกนหัวกลางสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ถ้าหาก อาร์เซน่อล ได้แชมป์ลีก ซึ่งอดีตแข้งคนดังตอบกลับไปว่า "ฉันจะยอมใส่เสื้อของ อาร์เซน่อล ที่มีข้อความว่า -แชมเปี้ยนส์- ให้กับนายเลยเพื่อนเอ๋ย! แต่ถ้านายไม่ได้แชมป์แล้วล่ะก็นายต้องยอมพิมพ์ว่า -ขอโทษนะ แกรี่- ในนี้นะ"

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยอมรับหนึ่งประเด็นที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เปรียบทัพ "หงส์แดง" ก่อนเกม "แดงเดือด" ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคมนี้

"เดอะ เร้ดส์" กับ "เร้ด เดวิลส์" มีสถานการณ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว โดยทีมของกุนซือเอริค เทน ฮาก กำลังลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และอาจได้สร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อทำแต้มขึ้นไปติดอันดับท็อปโฟร์

แม้ช่วงที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล จะฟอร์มตกก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นโดยเพิ่งเปิดรังแอนฟิลด์ทุบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ขณะที่ แมนฯ ยูฯ ฟอร์มแรงร้อนแบบหยุดไม่อยู่ล่าสุดพลิกสถานการณ์คว่ำ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 ในรอบ 5 ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

สำหรับเกมที่ทั้งสองทีมจะพบกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ คล็อปป์ เปิดใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เปรียบพวกเขาในเรื่องผู้เล่นที่สดมากกว่า เนื่องจากทีมมีการโรเตชั่นในเกมกลางสัปดาห์ที่ชนะ "ขุนค้อน"

"ผมคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นได้เข้าฟอร์มมากๆ ในช่วงเวลานี้ เช่นเดียวกับ อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ ที่โชว์ฟอร์มได้ดีเช่นกัน ทีมที่ขึ้นไปอยู่ตรงนั้นทุกทีมย่อมอยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม"

"ผมไม่ได้ดูไลน์อัพของพวกเขา (เกมที่ แมนฯยูฯ พบ เวสต์แฮม ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 5) แต่บางทีพวกเขาคงมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรใช่ไหม ? นั่นหมายความว่าพวกเขาบางคนคงมีสภาพร่างกายที่สดกว่าเรา แต่การเล่นในบ้านและที่นี่คือ แอนฟิลด์ ผมคิดว่าแอนฟิลด์พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง มันเป็นอะไรที่สนุกสุดๆ"

"มันให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน เราทุกคนอยู่ร่วมกัน ผมชอบแบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการอีกครั้งในวันอาทิตยนี้ แต่แน่นอนว่ามันคงเป็นเกมที่ยากลำบากสุดๆ เป็นอีกครั้งเวลาที่คุณต้องเผชิญหน้ากับ ยูไนเต็ด ในช่วงสุดสัปดาห์ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นยังไงก่อนหน้านี้ คุณอยากใส่เต็มที่"

"ตอนนี้เราต้องสร้างฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้ เราจะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งนี้" นายใหญ่ชาวเยอรมัน กล่าวทิ้งท้าย

ซน ฮึง-มิน กองหน้าตัวเก่งท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดนเพื่อนร่วมสังกัดทั้งในอดีตและปัจจุบัน โพสต์ข้อความแซวยกใหญ่หลังเจ้าตัวโพสต์ภาพถ่ายแบบสวมกางเกงชั้นในตัวเดียวของ "คาลวิน ไคลน์" (Calvin Klein) ลงในแพลตฟอร์มอินสตาแกรม

สตาร์ลูกหนังทีมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งผลงานในฤดูกาลนี้อาจจะไม่ได้ร้อนแรงมากนัก แต่ผลงานนอกสนามถือว่าฮอตสุดชีด โดยเจ้าตัวใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการโพสท่าถ่ายแบบให้กับแบรนด์ชุดชั้นในระดับโลกในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับคอลเลคชั่นภาพชุดดังกล่าวมีหลายสไตล์ แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาก็คือภาพที่ "อาซน" ถอดเสื้อโชว์ซิกซ์แพ็คพร้อมกับใส่กางเกงชั้นในสีดำตัวเดียวซึ่งสามารถเรียกยอดไลค์จากแฟนคลับได้มากกว่า 1 ล้านไลค์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ดาวเตะเลือดโสมขาว วัย 30 ปี ได้นำภาพเด็ดที่เขานั่งสบายๆ อยู่บนเก้าอี้สีดำโดยที่ใส่กางเกงชั้นในแค่ตัวเดียวโพสต์ลงไปใน "ไอจี" พร้อมข้อความว่า "ผมภูมิใจมากๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับตำนานอย่างคาลวิน ไคลน์ @calvinklein ใส่เสื้อเบอร์ 7 ในสนาม และ ซีเค นอกสนาม ภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทน"

อย่างไรก็ตามบรรดาเพื่อนร่วมสังกัดสเปอร์สทั้งเก่า และใหม่ ต่างเข้ามาแซว ดาวเตะชาวเกาหลีใต้ กันยกใหญ่ โดยในรายของ คริสเตียน โรเมโร่ แนวรับชาวอาร์เจนไตน์ โพสต์ข้อความอำว่า "โฟโต้ชอป 100 เปอร์เซนต์"

ยังไม่หมดแค่นั้น เปโดร ปอร์โร่ แบ็กขวาที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมโพสต์อิโมจิใบหน้าเย็นชาไว้ใต้โพสต์ของ "อาซน" นอกจากนี้ เซร์คิโอ เรกีลอน ที่ย้ายไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด แบบยืมตัว โพสต์เสริมว่า "พูดไม่ออก" พร้อมอีโมจิใบหน้ารูดซิปปาก

ตามด้วย แซร์จ ออริเยร์ เพื่อนเก่าที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ได้แท็กภาพนี้ไปให้กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ อดีตดาวเตะสเปอร์ส พร้อมอีโมจิรูปตาโต นอกจากนี้ยังมี ฮวาง ฮี-ชาน แนวรุกเพื่อนร่วมชาติของวูล์ฟแฮมป์ตัน โพสต์อีโมจิรูปใบหน้าที่มีดวงตาเป็นสกุลเงินดอลลาร์ !

ทั้งนี้ ซน ฮึง-มิน ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักเตะอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นผู้เล่นคีย์แมนของ สเปอร์ส และยังเคยได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ หรือ ดาวซัลโวสูงสุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการซัดไป 23 ประตู แต่ซีซั่นนี้ฟอร์มดร็อปลงไปเยอะโดยยิงในลีกได้แค่ 5 ลูกเท่านั้น

เอ็มมานูเอล เปอตีต์ ตำนาน อาร์เซน่อล ฟันธง ในอนาคต มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ บูคาโย ซาก้า สามารถลุ้นรางวัล บัลลง ดอร์ ได้เลย แต่ยันในฐานะอดีตแข้ง "ไอ้ปืนใหญ่" ตนไม่มีทางเอา ซาก้า ไปแลกกับ แรชฟอร์ด แน่นอน

เอ็มมานูเอล เปอตีต์ อดีตยอดกองกลาง อาร์เซน่อล เชื่อว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าคนเก่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บูคาโย ซาก้า ปีกดาวรุ่ง อาร์เซน่อล ต่างเป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพสูงพอที่จะลุ้นคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ในอนาคต

แรชฟอร์ด วัย 25 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดร้อนแรงนับตั้งแต่จบศึกฟุตบอลโลก 2022 ช่วงปลายปีก่อน และฤดูกาลนี้เจ้าตัวลงเล่นให้ "ปีศาจแดง" ไปแล้วรวมทุกรายการ 38 นัด ทำได้ 25 ประตู ซึ่งก็รวมถึงหนึ่งตุงในเกม คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พิชิต นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ขณะที่ ซาก้า วัย 21 ปี ก็มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับ "ไอ้ปืนใหญ่" โดยลงเล่นให้ทีมไปแล้วรวมทุกรายการ 32 นัด ทำได้ 10 ประตู พร้อมกับช่วยทีมนำเป็นจ่าฝูงในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ ซึ่ง เปอตีต์ ยอมรับว่า ตนชื่นชอบในฝีเท้าของทั้ง แรชฟอร์ด และ ซาก้า แต่ในฐานะอดีตแข้ง อาร์เซน่อล แล้ว ตนไม่ขอแลก ซาก้า กับ แรชฟอร์ด แน่นอน

"ผมอยากให้พวกเขาทั้งสองอยู่ในทีมของผม" เปอตีต์ วัย 52 กะรัต ซึ่งเคยเล่นให้ อาร์เซน่อล ช่วงระหว่างปี 1997-2000 กล่าว "ฤดูกาลก่อนไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เขาสูญเสียความมั่นใจ แต่ตอนนี้มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขากลับมาอยู่ในมาตรฐานเดิม และมีความนิ่งมากๆ ด้วย"

"อย่างไรก็ตาม ซาก้า ก็เป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญมากๆ สำหรับ อาร์เซน่อล ผมเป็นแฟนตัวยงของ ซาก้า เลย ผมชอบการเล่นของเขา ผมคิดว่าเขาจะเป็นกัปตันทีม อาร์เซน่อล ในอนาคต"

"ทั้งสองต่างมีความสำคัญต่อสโมสรของตัวเอง ผมคิดว่าพวกเขาสามารถลุ้น บัลลง ดอร์ ได้เลย หากยังเล่นได้แบบนี้เรื่อยๆ ผมชอบทั้งสองคนนะ แต่ในฐานะ กันเนอร์ ผมเลือกอยู่ฝั่ง บูคาโย ซาก้า"

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ดาวเตะ ลิเวอร์พูล ก้มหน้ารับรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่ทีมมีผลงานเลวร้ายในซีซั่นนี้ พร้อมบอกว่าอยากให้ทีมได้สิทธิ์เล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังคนเก่งของ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่าทุกคนในทีมต่างก็ตกใจกันสุดๆ ที่ฤดูกาลนี้พวกเขามีผลงานแย่กว่าที่ผ่านๆ มา

ในช่วงหลายซีซั่นก่อนๆ ลิเวอร์พูล ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 2 ทีมที่เก่งที่สุดของเกาะอังกฤษร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยพวกเขาถึงขั้นเคยได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครอง 1 สมัยด้วย แต่ซีซั่นนี้ "หงส์แดง" มีผลงานที่ดร็อปลงอย่างเห็นได้ชัดจนตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงอันดับ 7 ในลีก

ฟาน ไดค์ เผยว่า "ผมอยากให้เราได้สิทธิ์ลงเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะผมอยากเล่นเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ตลอดช่วง 4 หรือ 5 ปีที่ผ่านมาเราเหมือนเด็กที่ถูกเอาใจจากการได้เรื่องดีๆ ทุกอย่างตามที่เราเจอมา"

"เราได้แชมป์ในทุกรายการที่เราลงเล่น ฤดูกาลก่อนเราเองก็มีซีซั่นที่ได้ลุ้นแชมป์ครบทุกรายการจนถึงวันสุดท้าย ดังนั้นการที่ซีซั่นนี้เรามีผลงานที่แย่มันเลยเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนช็อกกันมากๆ"

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ แสดงความชื่นชมผลงานของนักเตะหลายรายในเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปยำใหญ่ บอร์นมัธ 4-1 รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงด้วยการตามหลัง อาร์เซน่อล สองแต้มได้ต่อไปจากการฟาดแข้งที่สนาม ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.

กวาร์ดิโอล่า ยังพาทีมเก็บสามคะแนนเต็มไล่จี้ อาร์เซน่อล ได้ตามเดิมแม้จะลงสนามมากกว่าทีมจ่าฝูงหนึ่งนัดจากการบุกสอย บอร์นมัธ กระเจิง 4-1 ซึ่งนักเตะ เรือใบสีฟ้า แบ่งกันซัดคนละเม็ดทั้ง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ , เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ฟิล โฟเด้น ก่อนที่ คริส เม็พแฮม จะสกัดบอลเข้าประตูตัวเองให้ทีมเยือนนำห่าง 4-0 แล้วทีมเจ้าบ้านมาได้ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ซัดตีไข่แตกในช่วงเจ็ดนาทีสุดท้าย

"เมื่อพิจารณาจากจำนวนเกม และการเดินทางอย่างมากมายของเรา เราเล่นกันได้อย่างดุดัน เกมรุกของเรามีมิติ และเราได้ผลลัพธ์ที่ดี" นายใหญ่เลือดกระทิงเอ่ยหลังเกม

"ริโก้ ลูอิส ผมพึ่งเขามากนับตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาและได้ประเดิมสนาม เขามีคุณภาพ และเล่นได้อย่างชาญฉลาด เขาเป็นนักเตะที่พิเศษ เราดีใจที่มีเขาอยู่ในทีมซึ่งเป็นนักเตะจากอะคาเดมี่ของเรา"

"เขาพาตัวเองเข้าไปในพื้นที่เล็กๆได้ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของเขา เขาช่ำชองในด้านนี้"

"เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ มีอิทธิพลกับเกมสูงอย่างเหลือเชื่อ เรารักเขา และเขาช่วยเรามาก ในวันนี้เขาผ่านบอลให้เขาได้มากขึ้น และเขามีความอันตราย"

"เราต้องการ ฟิล (โฟเด้น) เช่นกัน เขาทำงานอย่างหนัก เขายิงประตูและแอสซิสต์ เขากำลังกลับมาอย่างช้าๆ"

มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอก แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ ท่าฉลองประตูของตนมันเป็นการสื่อถึงเรื่องสภาพจิตใจ โดยมองว่าสิ่งนั้นมีความสำคัญกับการเล่นฟุตบอลมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์เลย

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าคนเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่าท่าดีใจของตนมันเป็นการสื่อถึงเรื่องสภาพจิตใจที่ต้องมีสมาธิอยู่กับตัวเองและไม่สนใจคำพูดภายนอกมากเกินไป

ก่อนถึงฤดูกาลนี้ แรชฟอร์ด มีช่วงเวลาที่เลวร้าย อย่างเช่นการเป็นหนึ่งในคนที่ยิงลูกจุดโทษในช่วงดวลเป้าไม่เข้าในนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูโร 2020 และการทำประตูให้ต้นสังกัดได้เพียง 5 ลูกจากการลงเล่น 32 นัดของฤดูกาลก่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาโดนแฟนบอลหลายคนตำหนิอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ซีซั่นนี้แข้งวัย 25 ปีกำลังทำผลงานได้ร้อนแรงด้วยการทำไปแล้ว 24 ประตูจากการลงเล่น 37 เกมในทุกรายการ จนทำให้นี่เป็นซีซั่นที่เขาทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เยอะที่สุดต่อ 1 ฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเวลาที่เขาทำประตูได้นั้นเขาก็มักจะฉลองด้วยการชี้นิ้วไปที่บริเวณศีรษะของตัวเองจนทำให้หลายคนตีความกันไปหลายแบบว่ามันมีความหมายว่าอะไร

แรชฟอร์ด เผยว่า "ปัจจัยหลักในการเล่นฟุตบอลน่ะอาจจะขึ้นอยู่กับเรื่องสภาพจิตใจถึง 95 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผมแล้วมันคือทุกอย่างเลย  มันทำให้คุณมีรากฐานที่ดีสำหรับการเล่น มีนักเตะหลายคนที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างคือเรื่องสภาพจิตใจ"

"ผมเคยเจอมาแล้วทั้ง 2 กรณี (หมายถึงทั้งเคยมีสภาพจิตใจที่ไม่ดีจนทำให้ฟอร์มแย่ และมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งจนช่วยให้เล่นได้ดี) ผมเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของมันและคุณค่าของมัน ตอนนี้ผมก็แค่มีสมาธิอยู่กับการคอยทำให้ตัวเองยังมีหลักความคิดแบบนั้นต่อไป"

พอล พาร์เกอร์ อดีตกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์สมควรลาออกจากการคุมทีม ผีแดง หลังจบซีซั่นนี้สถานเดียวหากล้มเหลวกับหนึ่งเป้าหมายสำคัญ

แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ เทน ฮาก กำลังผ่านมาถึงช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อของซีซั่นซึ่งพวกเขาเป็นทีมเดียวในลีกสูงสุดของประเทศที่ยังมีลุ้นคว้าแชมป์ครบทั้งสี่รายการ

กระนั้นก็ดี เกมต้อนรับ บาร์เซโลน่า ในศึก ยูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟนัดสองวันพฤหัสบดีนี้จะเป็นการชี้ชะตาว่า ผีแดง จะยังได้ลุ้นคว้าแชมป์ครบทั้งสี่ใบหรือไม่ และจากนั้นในวันอาทิตย์ พวกเขาจะต้องทำศึกชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ กับ นิวคาสเซิ่ล ที่ เวมบลีย์ ต่อทันที

นอกจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังรอเตะกับ เวสต์แฮม ในถ้วย เอฟเอคัพ รอบห้า ขณะที่ในศึก พรีเมียร์ลีก แม้อาจมีลุ้นน้อยที่สุด แต่ทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งรั้งอันดับสาม และมีแต้มตามหลังทีมจ่าฝูง อาร์เซน่อล ห้าแต้ม แต่ลงเล่นมากกว่าหนึ่งนัดก็ยังไม่ถึงกับหมดหวังซะเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี แม้จะยังอยู่ในเส้นทางของการคว้าสี่แชมป์ แต่ พาร์เกอร์ ลงความเห็นว่าหาก เทน ฮาก พลาดเป้าหมายสำคัญที่สุด ต่อให้คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้ เขาก็สมควรลาออก

"มันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หาก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์สี่รายการในซีซั่นนี้" อดีตกองหลังผิวสีเอ่ยเมื่อ 22 ก.พ.

"แต่มันจะไม่ใช่ที่สุดหากเขาพาทีมกลับไปเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ได้ และยังต้องเล่นถ้วย ยูโรปาลีก ตามเดิม"

"มันคงน่าทึ่งไม่น้อย และบอกตามตรงหากมันเกิดขึ้น เอริค เทน  ฮาก ก็สมควรลาออกเพราะเขาไม่อาจพาทีมก้าวข้ามไปได้"