Updates:

เว็บบาคาร่าออนไลน์ 888 มีให้เล่นครบทุกค่าย เว็บรวมคาสิโนที่โครตดี บอกไว้เลย

ก่อนแดงเดือด อีกเกมที่สำคัญ ลุ้นแชมป์ ลุ้นที่สี่

เริ่มโดย มาราโดน่า, เม.ย 20, 2022, 01:10 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

มาราโดน่า



ลิเวอร์พูลต้อนรับการมาเยือนของ "ศัตรูที่รัก" คืนนี้เวลา 02.00 น. ชมกันได้ทาง ทรู วิชันส์ช่อง True Premier Football 600,602 รวมทั้งช่อง 4K

    "ก่อนแดงเดือด" เที่ยวนี้แฟนผีคงไม่สนุกด้วยแต่เมื่อมี "เงื่อนไข" ที่น่าติดตามผมคิดว่า "เร้าความรู้สึก" เรด เดวิลส์ ได้เยอะ

1 ต้องการคะแนนเพื่ออันดับสี่
2 ขัดขวางการขึ้น "จ่าฝูง" ของลิเวอร์พูล อย่างน้อยแต้มเดียวหมายถึงโยน 2 แต้มให้แมนฯซิตี้ ซึ่งจะลงแข่งวันพรุ่งนี้กับไบรท์ตันที่เอติฮัด ชนะได้ยิ่งดี
3 ความรู้สึก "แดงเดือด" ยังคงมีอยู่

    ตอนนี้น้ำหนักมันเทไปสองข้อแรกมากกว่าข้อสาม ด้วยผลงาน, คุณภาพในการเล่น กระนั้นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือว่า ถ้ามันเลวร้ายกว่าที่คิดผมว่าป่านนี้ แมนฯยูไนเต็ด น่าจะอยู่แถวๆ เอฟเวอร์ตัน



    ในความรู้สึกของผมตลอด 40 ปีที่ติดตามฟุตบอลมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะรู้สึกว่า แมนฯยูไนเต็ด ดู "ไร้พิษสง" ตรงกันข้ามก็ยังมีความรู้สึกว่าพวกเขาคือทีมทีมมักจะสร้างความเซ็งให้อยู่เรื่อยๆ

    เที่ยวนี้ก็เหมือนกันแม้ความรู้สึกนั้นจะเบาบางลงไปบ้างแล้ว จากผลงานของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เข้ามาดูแลทีมนี้เป็นอย่างดีเยี่ยม เทียบเท่ากับยุค 80 สมัยผมอ่านเรื่องฟุตบอลอย่างเอาเป็นเอาตาย คือช่วงเด็กนั้น "ดูน้อยแต่อ่านมาก"

    จากนั้นค่อยมาติดตามดูภายหลังก็พบว่าเทียบชุดนี้กับชุดนั้น สุดๆพอกัน เพียงแต่ชุดก่อนโน้นนั้น "ครอบครอง" เจ้าบอลอังกฤษและยุโรปในเวลาเกือบ10 ปี แต่ก็เป็นทีมที่เอาชนะผีแดงได้ยากอยู่

    ยุคโซเชียล เด็กผีอาจเซ็งหัวใจกับผลงานในเก้าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเจอกับเด็กหงส์สองสามปีล่าสุดที่โดนถล่มเละ....กระนั้นผมก็ยังไม่คิดว่าจะเหนือกว่าอะไรขนาดนั้นเมื่อมาถึงเกมล่าสุดนี้

    โอเค...ในส่วนของ ราล์ฟ รังนิก ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะยังไงก็เท่าทุน แพ้ก็ไม่มีใครประหลาดใจ หากจะแพ้ลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ อันนี้เชื่อว่าแฟนผีหลายคนทำใจเอาไว้แล้ว

    เสมอ....เฮ้ย ได้แต้มใหญ่ แถมยังไปตัดแต้มลิเวอร์พูล

    ถ้าชนะ...."ข่าวใหญ่" อาจเป็นความบันเทิงของเด็กผีที่สุดในซีซั่นนี้ และถ้าจบฤดูกาลแล้ว ลิเวอร์พูล ชวดแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 แต้มที่แอนฟิลด์นี้ มันคือ "ความสุข" เหนือคอนเทนต์ของ แฮร์รี่ แมกไกวร์

    ส่วนลิเวอร์พูลของ เจเค พึ่งผ่านเข้าไปลุ้น "สี่แชมป์" อย่างใกล้เคียงหมาดๆ



    ด้วยการปราบแมนฯซิตี้ เข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพที่ไม่ได้แชมป์มานานนับจากปี 2006 ยุค ราฟา (เข้าชิงล่าสุดปี 2012 แพ้เชลซี1-2) น่าจะยังมีความเชื่อมั่นและฮึกเหิมจากชัยชนะที่เวมบลีย์

    อย่างไรก็ตาม...เงื่อนไขในเกมนี้มันคือ แมนฯยูไนเต็ด มาเยือน หน้าที่ของลิเวอร์พูลนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชนะหากอยากเป็นแชมป์ มันไม่มีทางเลือกด้วยแต้มอื่นเลย ต้องสามแต้มเท่านั้น

    อย่าคิดมุมเสมอเหมือนที่ คล็อปป์ เคยเลือกทางนั้นแล้วก็ทำให้ไม่ได้เปรียบกับแมนฯซิตี้ เพราะคุณเสียไปสองแต้ม....(ซีซั่นรองแชมป์)

    ถ้าชนะคือแซงและกดดันแมนฯซิตี้ใน 24 ชั่วโมง และมันคือการขึ้นจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆครั้งแรก (ข้ามวัน) นับจาก 1 ต.ค. ปีที่แล้วเป็นต้นมา

    อันนี้ก็เป็นความกดดันอย่างหนึ่ง...แต่มันก็ต้องก้าวข้ามให้ได้อยู่ดีหากหวังความสำเร็จในบั้นปลาย

    ก็ในความรู้สึกมันคือ "กดดัน" ในมุมที่เสียแต้มไม่ได้เลยต้องได้คะแนนเต็ม

    นี่คือสถานการณ์ที่เป็นไปก่อนเกม

    ในมุมของแทกติกก่อนเกม

    น่าจะเป็นทีมเยือนที่ดูไม่พร้อมจากสภาพนักเตะซึ่งบาดเจ็บตามที่ ราล์ฟ รังนิก ให้ข่าวเมื่อวานนี้ ส่วนลิเวอร์พูลไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้แม้กระทั่งตัวสำรองที่ไม่มีชื่อนั้นก็เพราะสอดแทรกไม่ได้ หาใช่เพราะเจ็บ โดยทาง เจเค ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า "ตัวพร้อมมาก" ขนาดตัวสำรองที่ฟิตๆ ยังไม่มีชื่อติดทีมสำรอง 9 คนเลย



    ความพร้อมคือการเตรียมทีมที่ดีแต่ไม่ได้ดีกว่า100% ขึ้นกับปัจจัยอื่นในเกมฟุตบอลด้วยเช่นกัน

    สภาพทีมหงส์

    อย่างที่ เจเค บอกว่าพร้อมมาก แค่จัดใครลงสนามเท่านั้น ซึ่งก็คงคาดการณ์กันได้ไม่ยากสำหรับคนที่ลงสนามด้วยจำนวนนาทีน้อยในวันเตะกับแมนฯซิตี้ ก็น่าจะมีโอกาสลงเล่นเกมนี้ อย่างแบ๊กโฟร์ มันก็มีโอกาสที่ โกนาเต จะนั่งสำรองแล้ว โชแอล มาติป ลงเล่นแทน (เกมแรกที่ชนะ 5-0 โกนาเต ลงตัวจริง) อีกสามคนไม่น่าเปลี่ยน ขณะที่แดนกลาง น่าจะมีการปรับหนึ่งตำแหน่ง ข้างหน้าก็เช่นเดียวกันหนึ่งตำแหน่ง

    รายชื่อที่คาด;

    เบ็คเกอร์​
  เทรนท์, มาติป, ฟานไดค์, รอบโบ้
 เฮนโด, ฟาบินโญ, ติอาโก
 ซาลาห์,โชต้า, มาเน่

    สภาพทีมผี

    รังนิก ให้ข่าวว่านักเตะเจ็บตั้งแต่ ลุค ชอว์, ราฟาแอล วาราน, สกอต แมกโทมิเนย์, เฟรด ทำให้การจัดตัวของเขาคงต้องปรับตามสภาพและแทกติก แต่คงไม่เหมือนนัดเตะกับนอริชแน่ๆ โดยเฉพาะแดนกลางที่ เนมานยา มาติช ต้องลงสนามแล้วละครับ

    อีกประเด็นหนึ่งถ้าจะใช้ ฟิล โจนส์ เล่นมิดฟิลด์ตัวรับคู่เพื่อตัดเกมแดนกลางช่วย ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้นะครับ "หน้าที่" ตัดเกม ทำลายเกม มี มาติช ประคองเกม รับส่งบอล คุมจังหวะ พอได้แล้วตัวรุกชุดเดิม ระบบ 4-3-2-1

    รายชื่อที่คาด แบบ 4-3-2-1

เดเคอา
เตลลีส,ลินเดอเลิฟ, แม็กไกวร์, วานบิสซาก้า
 ฟิล โจนส์-มาติช-ป๊อกบา
 ซานโช่, บรูโน่
 โรนัลโด้

    อีกแบบ 4-2-3-1 ใช้ ป๊อกบา ยืนกับ มาติช ส่วนแนวรุก เอลังกา, ซานโช่ และ บรูโน่ โดยหน้าเป้า โรนัลโด้  ถ้าตามคาดก็น่าจะแผนสองนะครับ ส่วนแผนแรกที่มี ฟิล โจนส์ นั้นมีความเป็นไปได้น้อยกว่าแผนแรก แต่ก็น่าสนใจดีนะครับ ถ้าคาดหวังการทำลายเกมแดนกลางและตัดสามตัวหน้าของหงส์แดงออกจากเกมรุกแล้วรอจังหวะสวนกลับ

    ถ้า วาราน ลง...

    ประเด็นนี้น่าสนใจครับ....ถ้า ราฟาแอล วาราน มีชื่อลงเล่นได้หลังพลาดมาสองเกม จากการบาดเจ็บที่ไม่ได้หนักอะไรมาก แม้ รังนิก จะเอ่ยชื่อเขาในกลุ่มนักเตะเจ็บแต่ดูเหมือนรายงานข่าวหลายฉบับไม่ตรงกันว่าเขาเจ็บนานขนาดไหน

    บีบีซี (น่าเชื่อสุด) บอกว่า วาราน  minor injury และทางแมนฯยูฯ "หวังว่า" เขาจะลงเล่นเกมนี้ได้ ...ถ้ามี ราฟาแอล วาราน จะทำให้แนวรับของ รังนิก ดูปึ้กขึ้นและอาจปรับแผนการเล่นได้สองแบบ



    4-2-3-1...คู่เซนเตอร์ วาราน-แมกไกวร์ คู่กลางคือ มาติช-ป๊อกบา ตัวรุกก็ เอลังก้า,�บรูโน่, ซานโช่ และ โด้ หน้าเป้า

    3-5-2.... ลินเดอเลิฟ-วาราน-แมกไกวร์  แดนกลาง มาติช, ป๊อกบา และ บรูโน  ส่วนหน้าคู่ โรนัลโด กับ ใครสักคนระหว่าง เอลังกา, ซานโช หรือจะออกที่ แรชฟอร์ด ระบบนี้ผมคิดว่า "ยาก" อยู่ เพราะตัวรุกที่มีความเร็วจะหายไปหนึ่งคน เกมสวนกลับอาจใช้ยาก

    ไม่ว่าจัดแบบไหน....เชื่อว่า ราล์​ฟ รังนิก น่าจะไล่แดนสองเป็นหลักครับ

    คือรอให้บอลเคลื่อนผ่านถึงเส้นกึ่งกลางสนามแล้วเข้าหาทันที แบ๊กโฟร์มีคู่หมดครับล้อคเอาไว้แล้ว ทำให้แดนกลางนั้นแน่นด้วย บอลจังหวะสองสำคัญ ต้องเก็บให้ได้ จากนั้นโยนทิ้งที่ว่างหลังไลน์ แบบที่แมนฯซิตี้ ใช้ มันคือทางที่เข้าใกล้เขตโทษหงส์ได้เร็วและง่ายสุด ง่ายกว่าไปเดินเกมสู้ พาสซิง บอลไปมา สำคัญแค่ว่านักเตะทุกคนทำ "จ๊อบ" นี้ได้ดีขนาดไหน ในทางทฤษฏีบนหน้ากระดาษเล่นกับลิเวอร์พูลแบบนี้ มันมีโอกาสปิดเกมรุกหงส์แดง ทำให้อึดอัด เล่นไปเรื่อยๆแบบนี้หงส์แดงเข้าทำไม่ได้ก็จะเครียดกันไปเอง

    ส่วนเจเค น่าจะพออ่านไต๋ รังนิก ออก แต่เขาก็ไม่เคยเล่นบอลตามแทกติกคู่แข่งอยู่แล้ว เขาคือโค้ชที่ออกแบบการเล่นมาเป็นของตัวเอง แล้วจะเล่นตามแทกติกตัวเองที่ซ้อมกันมานาน เพื่อโจมตีตามปกติ ทั้งด้านแบ๊กสองข้าง, การเคลื่อนที่ของบอลทั้งแนวลึกและแนวขวางเพื่อหาจังหวะเข้าทำตามปกติ รวมทั้งลูกตั้งเตะที่เป็นอาวุธเด็ดของทีม นั่นรวมทั้งถ้าหากแมนฯยูฯ บิลด์ อัพ เกมจาก เดเคอา ก็จะโดนเพรสซิงแดนบนทันที

    ในมุมสถิติ

ลิเวอร์พูลชนะ 79
เสมอ 68
แมนฯยูฯ ชนะ 89

    8 ครั้งหลังสุดลิเวอร์พูลแพ้แมนฯยูฯ หนึ่งเกมนั่นคือครั้งล่าสุดที่แอนฟิลด์เป็นเอฟเอ คัพรอบ4 ซึ่งทีม "น้าลูกอม" ชนะลิเวอร์พูล 3-2 เขี่ยเด็กหงส์ตกรอบ แต่ในพรีเมียร์ลีกนั้นย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2017-18 ยุคของ โชเซ มูรินโญ ชนะลิเวอร์พูล 2-1 เล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถ้าที่แอนฟิลด์นั้นปี 2016 บุกมาชนะ 1-0 ช่วงม.ค. ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล

    ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะแมนฯยูฯ มาสองครั้งหลังสุด (4-2,5-0) ครั้งล่าสุดที่เด็กหงส์ชนะแมนฯยูฯสามเกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ยุค ราฟาเอล เบนิเตซ 2008-09



    ในมุมคุณภาพฟุตบอลเด็กหงส์อาจยังดูดีมีราคากว่า....แต่ฟุตบอลมันก็มีทางแก้ลำกันได้อยู่ครับ แต่สิ่งสำคัญคือเด็กหงส์ต้องไม่ประมาท ชะล่าใจคิดว่าเหนือกว่า ต้องเล่นด้วยความรัดกุม แน่นอน มีสมาธิ ตามปกติของพวกเขา

    โอเค...ตามหน้าเสื่อ ตามเชิงมันออกไปที่เจ้าบ้านลิเวอร์พูล ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

    แต่เกมฟุตบอลในบางครั้งทีมที่เหนือกว่าก็ใช่ว่าจะออกจากสนามอย่างผู้ชนะ หากพวกเขา "ประมาท" และ "ย่ามใจ" รวมทั้ง "เล่นไม่ออก"

    ดังนั้นเกมนี้เด็กหงส์มีหน้าที่ "ต้องเล่นให้ออก" เหมือนที่ผ่านๆมา ทำให้แมนฯยูฯ เล่มเกมไม่ได้จนผิดพลาดในการป้องกัน....ส่วนที่เหลือคือการจบสกอร์ "เด็ดขาด" และ "อย่าใช้โอกาสเปลือง" อันเป็นการลดอุบัติเหตุในเกมฟุตบอลลงให้ได้

    นักเตะที่จะโดนจับตามองมากสุดคงหนีไม่พ้น โม ซาลาห์ กับ ดาบิด เดเคอา

    รอชม "แดงเดือด" คืนนี้กันครับ

Similar topics (1)