Updates:

เว็บบาคาร่าออนไลน์ 888 มีให้เล่นครบทุกค่าย เว็บรวมคาสิโนที่โครตดี บอกไว้เลย

แก้แค้นหรือย้ำแค้น! 5 ประเด็นก่อน เชลซี VS ลิเวอร์พูล ชิงโทรฟี่ เอฟเอ คัพ

เริ่มโดย มาราโดน่า, เม.ย 18, 2022, 02:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

มาราโดน่า



ในที่สุดแมตช์ในฝันของแฟนบอลก็เกิดขึ้นจนได้ โดย เชลซี สามารถปราบ คริสตัล พาเลซ ในรอบตัดเชือกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ทะลุเข้าไปดวลกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โดยนี่เป็นเกมที่ "สิงห์บลูส์" จะได้ล้างตากับ "หงส์แดง" ในการชิงโทรฟี่ฟุตบอลถ้วยอีกครั้ง หลังต้องเจ็บช้ำระกำใจจากการพ่ายจุดโทษในศึกคาราบาว คัพ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่สาวก "เดอะ ค็อป" คงลุ้นกันตัวเกร็งเพราะว่าเมื่อถึงวันนั้นพวกเขาอาจจะได้คั่วถึง 4 แชมป์ หรืออาจจะเหลือลุ้นแค่โทรฟี่บอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลกแค่รายการเดียวก็ได้

1. รีแมตช์แก้แค้นหรือย้ำแค้น
    เป็นไปตามคาด เชลซี มาตามนัดจริงๆ โดยพวกเขาสามารถปราบ คริสตัล พาเลซ ได้ไม่ยากเย็นนัก และเตรียมเข้าไปแก้มือกับ ลิเวอร์พูล ในเกมนัดชิงที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ หรือ 1 สัปดาห์ก่อนปิดฤดูกาล 2021/2022 งานนี้หลายคนมองว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" คงพบความแค้นมาเต็มกระเป๋าหลังพ่ายจุดโทษ "หงส์แดง" ในเกมชิงโทรฟี่คาราบาว คัพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ขอบอกว่า "เดอะ เร้ดส์" ก็มีความแค้นฝังลึกกับพวกเขาเช่นกันเพราะย้อนไปเมื่อปี 2012 หรือ 10 ปีก่อน เชลซี เคยทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องน้ำตาตกมาแล้วในเกมชิงฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เข้าชิง และต้องรออีก 1 ทศวรรษถึงจะได้ลุ้นความสำเร็จนี้อีกครั้ง  ฉะนั้นแมตช์นี้ทั้ง 2 ทีมจะได้แก้แค้น หรือจะโดนย้ำแค้น เดี๋ยวก็รู้กัน



2. รางวัลปลอบใจเชลซี
    การทะลุเข้าสู่รอบชิงของทัพ "สิงห์บลูส์" ถือเป็นรางวัลปลอบใจชั้นดีให้กับแฟนบอลของพวกเขา หลังจากที่เพิ่งผิดหวังที่ต้องตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยฝีเท้าของ เรอัล มาดริด ในขณะที่พรีเมียร์ลีก ก็หมดลุ้นไปแล้ว และน่าจะจบในอันดับ 3 แน่นอนว่า โธมัส ทูเคิ่ล ตั้งเป้าที่จะนำโทรฟี่ใบนี้กลับไปประดับที่ตู้โชว์ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ให้ได้ เพราะอย่างน้อยๆ นี่คือรางวัลแห่งความสำเร็จ แม้ว่ามันอาจจะดูไม่ได้ยิ่งใหญ่ตามที่พวกเขาตั้งเป้าเอาไว้ในฤดูกาลนี้ แต่ก็ดีกว่ามือเปล่าไม่มีอะไรเอาไว้คุยหลังจบซีซั่น ที่สำคัญการได้โทรฟี่ยังเป็นการการันตีว่าตำแหน่งของ นายใหญ่ชาวเยอรมัน น่าจะยังปลอดภัย แต่ถ้าหากบทสรุปตรงกันข้าม งานนี้เก้าอี้กุนซือของ ทูเคิ่ล มีสั่นคลอนแน่นอน

3. เส้นทางสู่ 4 แชมป์ลิเวอร์พูล (หรือเปล่า)
    ในขณะเดียวกัน "หงส์แดง" กำลังอยู่ในช่วงมโนว่ากำลังคั่ว 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ หลังประสบความสำเร็จไปแล้ว 1 รายการในศึกคาราบาว คัพ ขณะที่เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีก็ยังขับเคี่ยวกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบหายใจรดต้นคอ ด้านเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ทะลุเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ บียาร์เรอัล ส่วนในเกมเอฟเอ คัพ ก็จะได้ดวลกับ  เชลซี สำหรับแมตช์ชิงโทรฟี่บอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลก จะเกิดขึ้นก่อนปิดซีซั่น 1 สัปดาห์ ลองนึกภาพหากในเวลานี้ "หงส์แดง" กำลังจะได้ 4 แชมป์บรรยากาศมันจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องที่ยังไกลเกินไปหากจะจินตนาการถึงการสร้างประวัติศาสตร์แบบนั้น แต่ในเมื่อเส้นทางของพวกเขามีโอกาสที่จะทำได้ ฉะนั้นคงไม่ผิดอะไรที่สาวก "เดอะ ค็อป" จะขอใช้เวลาสักแวบนึกวาดฝันของความสำเร็จที่สุดแสนยิ่งใหญ่ที่ไม่มีทีมไหนอังกฤษเคยทำได้มาก่อน



4.  เชลซี เข้าชิง 3 ครั้งติดจะสมหวังไหม
    หนึ่งในแรงกระตุ้นที่สำคัญของ เชลซี นอกเหนือจากการได้แก้มือกับ ลิเวอร์พูล ในเกมนัดชิงประจำฤดูกาลนี้แล้ว พวกเขายังต้องการลบรอยช้ำที่เคยต้องเจ็บปวดจากการเล่นนัดสุดท้ายในศึกเอฟเอ คัพ 2 ครั้งก่อน เพราะทีมแพ้เรียบวุธ ในปี 2020 พวกเขาต้องทำศึก "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" นอกรอบกับ อาร์เซน่อล และก็โดนคู่อริร่วมเมืองทำเจ็บแสบเอาไว้ จากนั้นในปีถัดมาต้องวัดฝีเกือกกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในเวลานั้น "สิงห์บลูส์" ลุ้นคว้าดับเบิลแชมป์ฟุตบอลถ้วยเพราะ ทูเคิ่ล เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ถ้วย "หูกาง" แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง และในปีนี้จะต้องวัดกับ ลิเวอร์พูล งานนี้เชื่อว่าแฟนบอลเชลซีคงกระเหี้ยนกระหือรือที่อยากจะคว่ำ "หงส์แดง" ให้ได้ เพราะจะทำให้พวกเขาได้สมหวังกับถ้วยใบนี้แถมยังเป็นการแก้แค้นที่โดนแย่งแชมป์คาราบาว คัพ ด้วย

5.  ทูเคิ่ล VS คล็อปป์
    จะว่าไปแล้วนี่เป็นแมตช์ที่ 3 ในฤดูกาล 2021/2022 ที่ ทูเคิ่ล จะได้วัดกึ๋นกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ โดย 3 แมตช์ที่ผ่านมาพวกเขาไม่สามารถฟัดกันลงได้เลยในระยะเวลา 90 นาที เนื่องจากเกมลีกทั้ง 2 แมตช์จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ที่แอนฟิลด์ และ 2-2 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ขณะที่การชิงโทรฟี่ คาราบาว คัพ ก็ไม่มีสกอร์เกิดขึ้นในเวลาปกติ แถมช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีก็เช่นกัน สุดท้าย คล็อปป์ แอนด์โค. คว้าชัยชนะด้วยการดวลจุดโทษชนะซึ่งก็ต้องลุ้นกันถึงคนสุดท้ายเลยทีเดียว เชื่อว่าในแมตช์ชิงเอฟเอ คัพ ที่เวมบลีย์ ผลงานของทั้งสองทีมคงจะออกมาสูสีกันเช่นเดิม แต่สกอร์อาจจะไม่เหมือนเดิม เพราะเมื่อถึงเวลานั้นอาจมีปัจจัยหลายอย่างที่น่าจะเป็นตัวแปรทำให้ฟอร์มของพวกเขาแตกต่างออกไปจาก 3 เกมที่ผ่านมา ส่วนตัวแปรดังกล่าวจะเป็นอะไร ช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ก็น่าจะได้รู้กัน


Similar topics (5)