Updates:

เว็บบาคาร่าออนไลน์ 888 มีให้เล่นครบทุกค่าย เว็บรวมคาสิโนที่โครตดี บอกไว้เลย

ลีดส์รอดตกชั้นเบียดเบรนท์ฟอร์ดเข้าวินหวิว-เบิร์นลี่ย์พ่ายคารังหล่นแชมเปี้ยนชิพ

เริ่มโดย เซียนอยู่ตึก, พ.ค 23, 2022, 09:05 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

เซียนอยู่ตึก



ราฟินญ่า ควง แจ็ค แฮร์ริสัน ซัดคนละตุง ช่วยพา ลีดส์ ยูไนเต็ด เบียด เบรนท์ฟอร์ด เข้าวินหวิว 2-1 ส่งผลให้ "ยูงทอง" มีเพิ่มเป็น 38 แต้ม แซงขึ้นมารั้งที่ 17 ของตารางรอดตกชั้นแบบหวุดหวิด ขณะที่เกมอีกคู่ คัลลัม วิลสัน ทำแสบซัดเบิ้ล พา นิวคาสเซิ่ล บุกหั่น เบิร์นลี่ย์ ถึงถิ่น 2-1 ส่ง "เดอะ คลาเร็ตส์" หล่นชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เป็นทีมสุดท้าย ขณะที่ "สาลิกาดง" มี 49 แต้ม จบเป็นที่ 11

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (นัดปิดฤดูกาล)
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565
เบรนท์ฟอร์ด 1-2 ลีดส์ ยูไนเต็ด
สนาม : เบรนท์ฟอร์ด คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม

    ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 ที่สนาม เบรนท์ฟอร์ด คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม ระหว่าง  "เดอะ บีส์" เบรนท์ฟอร์ด ทีมอันดับ 11 ที่พึ่งคว้าชัยมา 2 เกมติดในลีก เปิดรังพบ "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 18 จมโซนตกชั้น ที่ไร้ชัยในลีกมา 5 นัดติด

    เริ่มเกมการแข่งขันมาทั้งสองทีมต่างพยายามต่อบอลขึ้นหน้าเพื่อหาจังหวะสร้างเกมรูก แต่ยังไม่มีทีมใดที่สามารถหาจังหวะจบสกอร์ได้ เกมผ่านไปแล้ว 10 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

    ต่อมาในนาทีที่ 17 ทีมเยือนได้จังหวะบุก ก่อนเป็น แซม กรีนวู้ด ที่ได้โอกาสยิงจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป

    เกมดำเนินถึงนาทีที่ 19 แจ็ค แฮร์ริสัน ได้บอลก่อนเลี้ยงขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษ แล้วจ่ายทะลุช่องให้ โจ เกลฮาร์ดท์ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ แล้วยิงผ่านมือ ดาบิด ราย่า เข้าประตู แต่หลังจากนั้น วีเออาร์ เช็กจังหวะดังกล่าว ก่อนริบสกอร์ไป เนื่องจาก โจ เกลฮาร์ดท์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า

    นาทีที่ 29 ทีมเยือนพยายามเดินหน้าบุกเข้าใส่ ก่อนเป็น ราฟินญ่า ทำชิ่งกับ โรดริโก้ โมเรโน่ แล้วเป็น โรดริโก้ โมเรโน่ ที่ได้โอกาสยิงไกลจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งหลุดเสาออกหลังไป

    นาทีที่ 42 เลียม คูเปอร์ พยายามพาบอลขึ้นหน้า แต่ไปโดน คริสเตียน เอริคเซ่น ตัดบอลได้ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ บริย็อง เอ็มเบอโม่ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ แล้วตัดสินใจยิงด้วยขวา บอลพุ่งหลุดเสาสองออกหลังไป

    ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เบรนท์ฟอร์ด ยังเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด อยู่ 0-0

    เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 47 จูเนียร์ ฟีร์โป้ พยายามสะกัดบอลแต่โดนไม่ดีบอลเลยไปเข้าทาง บริย็อง เอ็มเบอโม่ ได้จังหวะยิงโล่งๆ บอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังไปตรงตัว อิลาน เมส์ลิเย่ร์ รับบอลเอาไวได้

    ต่อมาในนาทีที่ 54 ราฟินญ่า ได้บอลขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษให้ โรดริโก้ โมเรโน่ โฉบมาเอาบอลได้ ก่อนมีจังหวะได้ยิงแต่บอลไปตรงตัว ดาบิด ราย่า รับบอลเอาไว้ได้

    เกมดำเนินถึงนาทีที่ 55 ดาบิด ราย่า พยายามเตะเปิดเกมแต่บอลไปเข้าทาง ราฟินญ่า ได้โอกาสเลี้ยงบอลเข้ามาในเขตโทษ ก่อนโดน ดาบิด ราย่า รวบล้ม ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที

    ต่อมาในนาทีที่ 56 จากจังหวะจุดโทษ เป็น ราฟินญ่า ที่รับหน้าที่ยิงก่อนตะบันเต็มข้อส่งบอลไปทางขวามือของตัวเอง ผ่านมือ ดาบิด ราย่า เข้าประตูไป ช่วยพา ลีดส์ ยูไนเต็ด ออกนำ เบรนท์ฟอร์ด 1-0

    เกมดำเนินถึงนาทีที่ 78 เจ้าถิ่นพยายามเดินหน้าบุกอย่างหนัก ก่อนเป็น เซร์จี้ กานอส ที่ได้โอกาสยิง ส่งบอลผ่านมือ อิลาน เมส์ลิเย่ร์ เข้าประตูไป ช่วยพา เบรนท์ฟอร์ด ตามตีเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1

    เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ในนาทีที่ 90+4 แจ็ค แฮร์ริสัน มาซัดประตู ช่วยพา ลีดส์ ยูไนเต็ด บุกนำ เบรนท์ฟอร์ด 2-1

    ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขัน ลีดส์ ยูไนเต็ด เบียด เบรนท์ฟอร์ด เข้าวินหวุดหวิด 2-1 ส่งผลให้ "ยูงทอง" มีเพิ่มเป็น 38 แต้ม แซงขึ้นมารั้งที่ 17 ของตารางรอดตกชั้นแบบหวุดหวิด ขณะที่เกมอีกคู่ คัลลัม วิลสัน ทำแสบซัดเบิ้ล พา นิวคาสเซิ่ล บุกหั่น เบิร์นลี่ย์ ถึงถิ่น 2-1 ส่ง "เดอะ คลาเร็ตส์" หล่นชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เป็นทีมสุดท้าย ขณะที่ "สาลิกาดง" มี 49 แต้ม จบเป็นที่ 11

    รายชื่อนักเตะที่ลงสนามของทั้ง 2 ทีม

    เบรนท์ฟอร์ด (4-3-3) : ดาบิด ราย่า - คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, ปอนตุส ยานส์สัน, มาดส์ เบ็ค โซเรนเซ่น, ริโก้ เฮนรี่ (เซร์จี้ กานอส น.63)- มาเธียส เยนเซ่น (จอช ดาซิลวา น.58), วิตาลี่ ยาเนลต์ , คริสเตียน เอริคเซ่น - บริย็อง เอ็มเบอโม่, ไอแวน โทนี่ย์, โยอัน วิสซ่า

    ผู้จัดการทีม : โธมัส แฟร้งค์
   
    ลีดส์ ยูไนเต็ด (4-1-4-1) : อิลาน เมส์ลิเย่ร์ - โรบิน ค็อค, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, เลียม คูเปอร์, จูเนียร์ ฟีร์โป้ - คัลวิน ฟิลลิปส์ - ราฟินญ่า,แซม กรีนวู้ด,โรดริโก้ โมเรโน่, แจ็ค แฮร์ริสัน - โจ เกลฮาร์ดท์

    ผู้จัดการทีม : เจสซี่ มาร์ช

    ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์