Updates:

เว็บบาคาร่าออนไลน์ 888 มีให้เล่นครบทุกค่าย เว็บรวมคาสิโนที่โครตดี บอกไว้เลย

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด..

เริ่มโดย มาราโดน่า, เม.ย 28, 2022, 01:02 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

มาราโดน่า



ปัญหาคาราคาซังเรื่องการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับลิเวอร์พูลยังไม่ได้รับการสะสางให้เรียบร้อย ขณะที่แนวโน้มของเรื่องที่แฟนบอลลิเวอร์พูลให้ความสนใจที่สุดเรื่องหนึ่งนี้ก็ยังพลิกไปพลิกมาไม่แน่นอน

    จากข่าวลือว่าไปแน่ ย้ายแน่ กลายมาเป็นน่าจะต่อ น่าจะคุยกันได้ แล้วก็พลิกไปเป็นชักจะไม่แน่แล้วอีกรอบ

    ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อนสื่ออังกฤษตีข่าวการให้สัมภาษณ์ของซาลาห์กับนิตยสารโฟร์โฟร์ทูอีกครั้งในเรื่องนี้ว่ายังไม่มีวี่แววของการต่อสัญญากันออกไป

    "ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมยังเหลือสัญญาอีกหนึ่งปี ผมคิดว่าแฟนบอลรู้ว่าผมต้องการอะไร แต่ในรายละเอียดของสัญญาไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเงินทุกสิ่งทุกอย่างแน่ๆ

    "เพราะฉะนั้นผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตอบอะไรได้เพราะผมเองก็ไม่รู้คำตอบที่แน่นอน ผมไม่ได้กังวลอะไรกับอนาคตและก็จะไม่ทำให้ตัวเองต้องกังวลกับเรื่องอะไรก็ตามเพราะฤดูกาลนี้ยังไม่จบ เรามาจบมันด้วยผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน นั่นคือเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้



    "แล้วจากนั้นเราค่อยมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปีสุดท้ายของสัญญา"

    นี่คือบทสัมภาษณ์ของซาลาห์กับ คริส ฟลานาแกน นักข่าวโฟร์โฟร์ทูที่หนังสือพิมพ์บางเจ้านำไปอ้างถึงในการเสนอข่าว

    หากที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ 1-2 วันให้หลัง thisisanfield เว็บไซต์เกี่ยวกับลิเวอร์พูลจับฟลานาแกนมาคุยกันเลยว่าท่าทีของซาลาห์เป็นอย่างไรบ้างในระหว่างให้สัมภาษณ์

    ฟลานาแกนบอกว่าซาลาห์นั้นดูผ่อนคลายมากตลอดการพูดคุย สบายๆ ในทุกคำถามรวมไปถึงคำถามที่เกี่ยวกับอนาคตของเขากับลิเวอร์พูลด้วย เขามองไม่เห็นสัญญาณแห่งความวิตกกังวลเรื่องสัญญาฉบับใหม่ และตัวซาลาห์เองก็ยืนยันชัดเจนว่าไม่หนักใจเลยกับการเจรจาที่ยังไม่ลงตัว

    นักข่าวโฟร์โฟร์ทูยังบอกอีกว่าเขาสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่จะอยู่กับสโมสรต่อไปของซาลาห์และเชื่อว่าเป้าหมายอันดับหนึ่งของซาลาห์คือการต่อสัญญากับทีม แต่ก็พร้อมที่จะรอเพื่อให้การพูดคุยได้บทสรุปที่ลงตัวที่สุด ไม่เร่งรีบ ไม่ร้อนรน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าเพราะอะไรซาลาห์ถึงไม่สามารถรับประกันกับใครได้เลยเรื่องสัญญาฉบับใหม่ นั่นเพราะสถานะของการเจรจายังค้างคาอยู่

    สำหรับแฟนบอลเองนอกจากจะตามลุ้นให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแล้วก็อาจจะสะดุดกับคำว่า "ไม่เกี่ยวกับเงินในทุกสิ่งทุกอย่าง" หรือพูดแบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ "ไม่ใช่เรื่องเงินทั้งหมด" นะครับว่ามันหมายความว่าอะไร



    เพราะการนำเสนอของสื่อที่ผ่านมาจะชี้ไปที่เรื่องเงินทั้งหมด เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินล้วนๆ เงินที่ซาลาห์และนายหน้าส่วนตัวของเขาต้องการจะได้ ค่าเหนื่อยที่ขอรับเพิ่มขึ้นจากเดิมให้สมฐานะซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของทีม ขณะที่สโมสรก็มีแนวทางการบริหารของตัวเอง มีเพดานค่าเหนื่อยของตัวเองอยู่

    มันก็เป็นเรื่องเงินมาตลอดที่แฟนบอลเข้าใจ ตัวเลขอย่างเป็นทางการไม่มีหรอกแต่จำนวนที่คาดการณ์กันตามหน้าสื่อก็คือยืนพื้นที่สี่แสนปอนด์ต่อสัปดาห์บวกลบนิดหน่อย แต่คำพูดของเขาที่ตีความว่า ไม่ใช่เรื่องเงินทั้งหมด ก็คงจะมีเหตุผลเรื่องอื่นซ่อนอยู่ ความท้าทาย ความอิ่มตัว ทิศทางของสโมสร ทิศทางของทีม เพราะอย่าลืมว่าการต่อสัญญาครั้งนี้จะครอบปี 2024 ซึ่งเป็นปีที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ หมดสัญญาด้วย

    เหตุผลอื่นๆ ประกอบกันย่อมมี มันอาจไม่ได้เป็นเรื่องเงินค่าเหนื่อยล้วนๆ อย่างที่เขาถูกสื่อชักนำให้ผู้คนเข้าใจก็ได้

    กระนั้นในเรื่องค่าเหนื่อยที่สื่อรายงานว่าสี่แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ก็เป็นตัวเลขที่ทำให้เดอะค็อปเสียงแตกเป็น 3 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือจ่ายๆ ไปเถอะ นักเตะอย่างซาลาห์ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในระบบที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ วางไว้ มีบทบาทและอิทธิพลสูงต่อเกมรุกของทีม

    ฝ่ายที่สองคือจ่ายไม่ไหวก็อย่าจ่ายเลย เพดานค่าเหนื่อยของทีมนั้นมีอยู่และถ้าจะพังมันลงอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีเพราะเรื่องนี้ย่อมกระทบกับผู้เล่นคนอื่นๆ การเจรจาหลังจากนี้จะยากขึ้น แทนที่จะควบคุมการเงินของสโมสรให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมได้อาจจะต้องทำลายมันลงมาทั้งหมด



    ได้ไม่คุ้มเสีย อะไรประมาณนั้น

    แต่ละฝ่ายต่างก็มีเหตุผลรองรับด้วยกัน เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักและเข้าใจได้ทั้งสิ้น มันจึงเป็นเรื่องระหว่างจุดยืนและมุมมองจริงๆ และเรื่องอย่างนี้ถ้าต่างฝ่ายต่างแข็งไม่ขยับจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ก็ยากที่จะตกลงกันได้ ส่วนใหญ่แล้วการตกลงกันได้ด้วยดีก็มักจะเป็นการพบกันระหว่างทาง อาจจะเจอกันครึ่งทางหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่งเล็กน้อย

    ที่แน่ๆ คือมันจะจบด้วยการเจรจา และใครจะต่อรองได้ดีกว่ากันบนโต๊ะพูดคุย

    ฝ่ายที่สามคือปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ได้อยู่ฝั่งใดทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ฝั่งเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แค่รอดูและเอาใจช่วย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และบทสรุปของมันคือสิ่งที่ยอมรับ เพราะถือว่าเป็นทางออกที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน

    ถ้าต่อสัญญากันก็ดีใจ ไม่ต่อสัญญากันก็เข้าใจ สถานการณ์ที่กำลังคาราคาซังนี้น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย ได้แต่หวังว่าการพูดคุยจะสามารถหาบทสรุปที่เหมาะสมที่สุดได้



    ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็จะต้องเดินไปถึงบทสรุปล่ะครับ มันเป็นไปได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ซาลาห์ต่อสัญญาหรือซาลาห์ไม่ต่อสัญญา ถ้าซาลาห์ต่อสัญญาจะเป็นเงื่อนไขใด เพดานค่าเหนื่อยถูกทำลายหรือไม่ หรือเป็นราคาในแบบพบกันครึ่งทาง

    หรือถ้าไม่ต่อสัญญาจะด้วยบรรยากาศแบบไหน แตกหักหรือจับมือตกลงกันตามนั้น แล้วผลตามมาที่ลิเวอร์พูลเลือกเป็นอย่างไร หาทีมมาซื้อเพื่อได้ค่าตัวก้อนหนึ่งหรือปล่อยให้เล่นจนหมดสัญญาแล้วจากกันแบบไม่มีค่าตัว

    มันก็ยังมีรายละเอียดอีกมากมายให้ต้องคิดและพิจารณา ขนาดเราอยู่วงนอกยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ซับซ้อน คนที่ต้องเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างซาลาห์ เอเยนต์ส่วนตัวของเขา และสโมสรคงจะยิ่งต้องชั่งน้ำหนักกับเงื่อนไขน้อยใหญ่หลายอย่าง

    แน่นอนครับด้วยผลงาน ซาลาห์นั้นทะลุขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุด เขาอาจจะไม่ได้ถล่มประตูเป็นปรากฏการณ์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมัยอยู่เรอัล มาดริด หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ตอนอยู่บาร์เซโลน่า ที่ทะลวงตาข่ายได้มากกว่าจำนวนเกมที่ลงสนาม แต่สถิติ 155 ประตูจาก 245 เกมนับตั้งแต่ย้ายมาจากโรม่าเมื่อปี 2017 ก็อยู่ในระดับยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว

    และไม่เพียงสถิติดังกล่าวเท่านั้น วิธีการเล่นของเขา ความสำคัญที่มีต่อทีมของเขา อิทธิพลที่มีเหนือคู่ต่อสู้ของเขา คือมูลค่าที่ต้องประเมินร่วมกับตัวเลขประตูด้วย

    ทั้งสองฝ่ายย่อมจะมีตัวเลขที่ "รับได้" เพียงแต่ตัวเลขนั้นยังไม่เจอกันในเวลานี้ ส่วนจะเจอกันในเวลาที่ถูกต้องไหมก็นั่นล่ะครับ.. มีแต่เวลาเองเท่านั้นจะให้คำตอบ

    การต่อสัญญาฉบับใหม่กับซาลาห์นั้นได้รับความสนใจจากแฟนบอลลิเวอร์พูลมากกว่าการเจรจาในเรื่องเดียวกันกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่



    ทั้งสามคนจะหมดสัญญาพร้อมๆ กันคือเดือนมิถุนายน ปี 2023 หรือหลังจบฤดูกาลหน้า 2022/23

    สัญญาของมาเน่กับบ๊อบบี้ก็ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่เช่นกันเพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่าซาลาห์ นั่นเพราะซาลาห์มีตัวเลขค่าเหนื่อยที่ต้องการในระดับทำลายเพดานเข้ามาเกี่ยวข้อง มันคือเรื่องใหญ่สำหรับทุกคนที่สโมสร

    เป็นจุดหักเลี้ยวที่อาจพลิกผันโชคชะตาไปทางใดทางหนึ่ง

    ครั้งหนึ่ง รอย คีน เคยทำลายเพดานค่าเหนื่อยของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เวลานั้นก็มีข้อถกเถียงกันเหมือนตอนนี้นี่แหละเพราะตัวเลข 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ที่คีโน่ต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเคาะอนุมัติได้ง่ายๆ

    มันทำลายเพดานค่าเหนื่อย และสโมสรอาจจะมีปัญหาตามมาในการเจรจากับนักเตะคนอื่นๆ รวมถึงผู้เล่นคนใหม่ที่จะเข้ามาสู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    แต่สุดท้ายยูไนเต็ดเลือกทำตามที่ยอดกัปตันไอริชต้องการ มอบค่าเหนื่อยครึ่งแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ให้และเตรียมการรับมือกับสัญญาของนักเตะคนอื่นๆ ในทีม

    การตัดสินใจครั้งนั้นส่งผลให้ทีมปีศาจแดงพุ่งทะยานขึ้นไปอีกระดับ ติดลมบนประสบความสำเร็จต่อเนื่องอีกหลายปี
   
    หากในอีกด้านหนึ่งของเหรียญ การใช้เงินจำนวนมากไปกับค่าเหนื่อยของนักฟุตบอลก็อาจนำมาซึ่งความพินาศได้เช่นกันถ้าผลงานของทีมไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หายนะที่เคยเกิดขึ้นกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นบทเรียนสอนเราในเรื่องนี้มาตลอด

    เพราะฉะนั้นกับเรื่องนี้ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ ถ้าคุณลงทุนมาก คุณก็เสี่ยงมาก แต่ผลตอบแทนก็ได้กลับมามากตาม ถ้าคุณลงทุนน้อย คุณก็เสี่ยงน้อย แต่กรอบของความสำเร็จก็อาจจะย่อมลงมา

    แต่สำหรับวงการฟุตบอล ลงทุนน้อย เสี่ยงน้อย แต่ความสำเร็จพุ่งพรวดทะลุโลกก็มี ทีมอย่าง เอฟซี ปอร์โต้ เคยคว้าแชมป์ยุโรปด้วยนักฟุตบอลที่กำลังก้าวขึ้นไปสู่เกรดเอ สโมสรไม่ได้แบกภาระมากเพราะมีรายได้ทดแทนที่ครอบคลุมจากการขายนักเตะ



    ความเสี่ยงหรือไม่เสี่ยงในการลงทุนจึงเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น การทำทีมฟุตบอลมีองค์ประกอบหลายเรื่องเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกัน รายของคีโน่นั้นยูไนเต็ดอาจจะมีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค้ำอยู่ด้านหลังพร้อมด้วยขุนพลเอกอุอีกมากจึงยิ่งเป็นแรงผลักดัน ประกอบกับโดยพื้นฐานแล้วทีมปีศาจแดงมีรายได้มากมายจากช่องทางอื่น แตกต่างจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ลงทุนโดยพึ่งพาผลงานของทีมในอนาคตแทบจะล้วนๆ

    สุดท้ายแล้วปัญหาเรื่องความเสี่ยงย่อมเป็นการประเมินของสโมสรว่าเรามีกำลังมากน้อยแค่ไหน เป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวเป็นอย่างไร ควรลงทุนอย่างไร จะพาสโมสรเดินหน้าไปทางไหน

    แต่ละสโมสรมีเงื่อนไขบ้างเหมือนบ้างแตกต่าง บางที How to ของสโมสรหนึ่งอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับสโมสรอื่นก็ได้

    โดยส่วนตัวแล้วผมยังคิดว่าซาลาห์จะต่อสัญญากับลิเวอร์พูลนะครับ เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจดีถึงความสำคัญที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันและพยายามจะหาข้อสรุปร่วมกันให้ได้โดยที่จะสามารถตกลงกันได้ในที่สุด และกลับจะเป็นมาเน่หรือฟีร์มิโน่คนใดคนหนึ่งที่ย้ายออกไปแทน

    โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะต่อสัญญาครบทั้งสามคนผมมองว่าอาจจะมีไม่มากเพราะทีมต่อสัญญาฟาน ไดค์ กับ เฮนเดอร์สัน ไปแล้ว ขณะที่ ติอาโก้ ก็ยังอยู่ในสัญญา ทั้งสี่คนจะหมดสัญญาตอนที่ตัวเองอายุ 33 ปี (เฮนโด้ 34 ปี) ยังไม่รวม มาติป ในวัย 30 ที่ยังเหลือสัญญาอีกสองปี สโมสรจึงอาจต้องการลดค่าเฉลี่ยของอายุนักเตะในทีม

    แต่ตรงนี้เป็นการคาดการณ์ล้วนๆ นะครับ คาดการณ์ในฐานะแฟนบอลธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางภายในสโมสร

    เจอร์เก้น คล็อปป์ ไมเคิ่ล เอ๊ดเวิร์ดส์ จูเลียน วอร์ด และฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องอาจจะมีเอกสารจากทีมแพทย์รายงานสภาพความแข็งแรงของกล้ามเนื้อพวกเขาเหล่านี้ยืนยันว่ายังสามารถเล่นได้ถึงอายุ 33-34 ปีโดยมาตรฐานไม่ตกอยู่ในมือ และ คล็อปป์ อาจกำลังส่งสัญญาณให้สโมสรต่อสัญญาทั้ง ซาลาห์-มาเน่-ฟีร์มิโน่ ออกไปในทุกกรณีก็ได้

    อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทว่าสิ่งหนึ่งที่เดอะค็อปสามารถเชื่อได้แน่ๆ ก็คือลิเวอร์พูลจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดตามยถากรรมเด็ดขาด หากต้องผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ และพิจารณาถึงผลดีผลเสียอย่างละเอียดรอบคอบที่สุดแล้วว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับสโมสร